ไข้หวัดใหญ่ในผู้สูงวัย ภูมิยิ่งต่ำ ยิ่งต้องระวังสูง
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อ Influenza Virus มีการระบาดมากในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว จะสามารถติดต่อกันได้ง่ายในผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้สูงอายุและผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง เพิ่มความเสี่ยงโรคปอดอักเสบ โรคเส้นเลือดสมองและหัวใจตีบ ทำให้สูญเสียความสามารถในการดูแลตัวเอง บางรายมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในผู้สูงอายุ อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายมากกว่าการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ทั่วๆ ไป ดังต่อไปนี้
- เพิ่มความเสี่ยงการเกิดเส้นเลือดสมองตีบ มากกว่าคนทั่วไป 8 เท่า
- เพิ่มความเสี่ยงการเกิดเส้นเลือดหัวใจตีบ มากกว่าคนทั่วไป 10 เท่า
- 75% ของคนไข้โรคเบาหวานเกิดปัญหาเกี่ยวกับระดับน้ำตาลที่ผิดปกติ
- 23% ของผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการดูแลตัวเองหลังจากติดเชื้อ
สาเหตุหลักที่ทําให้ผู้สูงอายุเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยและเสียชีวิตเพิ่มขึ้น
1. ภาวะภูมิคุ้มกันเสื่อมถอย (Immunosenescence) ผู้สูงอายุมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อจากแบคทีเรีย เชื้อรา หรือไวรัสก็ตาม เพราะผู้สูงอายุมีโอกาสเกิดภาวะภูมิคุ้มกันเสื่อมถอยสูงกว่า ในภาวะที่ร่างกายเสื่อมถอยและสูญเสียความสมดุลจะก่อให้เกิด “การอักเสบรุนแรง” (ซึ่งเป็นกระบวนการของระบบภูมิคุ้มกัน) จนไม่สามารถยับยั้ง และอาจทำให้เสียชีวิต
2. โรคประจำตัวรักษาไม่หายขาด (Underlying disease) ผู้สูงอายุและผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคไต โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง หากพบการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะพบอาการแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อปอดอักเสบ โรคหัวใจและเส้นเลือดสมอง บางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
3. ภาวะเปราะบางและความอ่อนแอในผู้สูงอายุ (Frailty) ภาวะเปราะบางไม่ใช่โรค เมื่อผู้สูงอายุติดเชื้อไข้หวัดใหญ่พบว่า 23% ของผู้สูงอายุจะสูญเสียความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองด้านกิจวัตรประจำวัน และจำเป็นต้องพึ่งพาผู้อื่น รวมทั้ง 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุที่นอนโรงพยาบาลยังไม่สามารถกลับมาทำกิจกรรมได้ตามปกติภายใน 1 ปี
โรคไข้หวัดใหญ่ ป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี
เนื่องจากเชื้อโรคมีการเปลี่ยนแปลงและกลายพันธุ์อยู่เสมอ โดยในแต่ละปีวัคซีนจะถูกปรับให้เหมาะสมกับเชื้อที่ระบาดในช่วงเวลานั้น เมื่อป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่บางคนอาจมีอาการรุนแรงมากกว่าคนทั่วไป ลักษณะเช่นนี้มักพบในเด็กเล็ก ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคไต หรือระบบภูมิต้านทานต่ำ วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มคนเหล่านี้รวมถึงผู้ใกล้ชิด
ทำไมผู้สูงอายุจึงควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ชนิด High Dose (สำหรับอายุ 65 ปีขึ้นไป)
ปัจจุบันมีการพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่สำหรับผู้สูงอายุ ใช้ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ (ตามคำแนะนำของแพทย์) เป็นวัคซีนที่มีข้อบ่งใช้สำหรับการสร้างภูมิคุ้มกันชนิดก่อเอง เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับโรคปอดอักเสบ สามารถป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ดีขึ้น ทั้งยังสามารถลดอัตราการนอนโรงพยาบาลจากภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น ลดการนอนโรงพยาบาลจากอาการปอดอักเสบและจากการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ แม้วัคซีนจะไม่สามารถป้องกันโรคหวัดได้ 100% (ในกรณีที่ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใกล้เคียง) แต่จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยหรืออาการแทรกซ้อนของโรคได้
จากการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างวัคซีนไข้หวัดใหญ่สำหรับผู้สูงวัย และวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ในผู้ที่มีอายุ 65 ปีจากประเทศอเมริกาและประเทศแคนาดา พบว่า
- วัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้เพิ่มขึ้นถึง 2% (เมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบปกติ)
- วัคซีนสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัดใหญ่ ลดอัตราการเข้ารักษาในโรงพยาบาลจากโรคอื่นๆ
- การเข้ารักษาโรคปอดอักเสบ ลดลง 3% การเข้ารักษาโรคระบบหัวใจและทางเดินหายใจ ลดลง 17.9%
- การเข้ารักษาโรคไข้หวัดใหญ่ ลดลง 7% การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลโดยรวม ลดลง 8.4%